นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สําหรับผู้สมัครงานและลูกจ้าง

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สําหรับผู้สมัครงานและลูกจ้าง บริษัท ยามาโตะอุนยู (ประเทศไทย) จํากัด

บริษัท ยามาโตะ อุนยู (ประเทศไทย) จํากัด และบริษัทในเครือ (“บริษัท”) เข้าใจและตระหนักว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลสําคัญ และเป็นสิทธิความเป็นส่วนตัวที่สมควรได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ดังนั้นเมื่อบริษัทฯได้เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อประกอบการพิจารณาการจ้างงาน , จัดทําสัญญาจ้างแรงงานเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้รับคัดเลือกและผ่านคุณสมบัติ หรือพิจารณาความสามารถในการทํางานกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นลูกจ้าง บริษัทฯให้คํามั่นว่าจะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่พระราชบัญญัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกําหนด

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ถูกจัดทําขึ้นเพื่อจัดให้มีวิธีการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล,ฐานทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้

1. คํานิยาม “ข้อมูลส่วนบุคคล” หรือ “ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทําให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

  • “ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว” หมายถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษ ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื่อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรมข้อมูลชีวภาพ เช่น ข้อมูลจําลองลายนิ้วมือ ข้อมูลภาพจําลองใบหน้า เป็นต้น หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทํานองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกําหนด
  • “คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ผู้สมัครงาน และ/หรือลูกจ้างตามสัญญาจ้างแรงงาน (แล้วแต่กรณี)

2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม ระยะเวลาในการเก็บ และฐานทางกฎหมาย

บริษัทฯดําเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ให้ไว้แก่บริษัทฯ หรือให้ไว้แก่หน่วยงานอื่นๆ เพื่อส่งมอบให้แก่บริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯ อาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระหว่างขั้นตอนการสรรหา และการสัมภาษณ์งานไม่ว่าช่องทางใดทั้งทาง offline และ online เท่าที่จําเป็นแก่การพิจารณาจ้างงาน,จัดทําสัญญาจ้างแรงงาน หรือความสามารถ(แล้วแต่กรณี) โดยอาศัยฐานทางกฎหมายหรือความยินยอมของท่านเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่นๆ หรือผ่านมาทางบริษัทในเครือ หรือพันธมิตรทางธุรกิจ

ทั้งนี้ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวนั้น บริษัทฯจะไม่ทําการเก็บข้อมูลเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดังต่อไปนี้

ลำดับข้อมูลส่วนบุคคลระยะเวลาการเก็บรักษาฐานทางกฎหมาย
1ข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุในใบสมัครงาน และเอกสารประกอบใบสมัครงาน เช่น ชื่อ นามสกุล , อายุ วันเดือนปีเกิด , จังหวัดเกิด , ภูมิลําเนา , วุฒิการศึกษา , ประวัติการทํางาน , สถานภาพทางการทหาร , คุณสมบัติการทํางาน , ภาพถ่ายแสดงตัวตน , ข้อมูลเพื่อการติดต่อหรือตรวจสอบคุณสมบัติ หลักฐานทางกฎหมายและข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่ผู้สมัครงานได้ยื่นในกระบวนการจ้างงานเก็บไว้ไม่เกิน 6 เดือนนับจากวันที่สมัครงาน เว้นแต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะได้รับการจ้างงานเป็นลูกจ้าง ในกรณีดังกล่าวจะเก็บข้อมูลไว้ตามระยะเวลาของสัญญาจ้างงานและเก็บต่อไปอีก ตามกรณีดังต่อไปนี้
1) กรณีที่ลูกจ้างลาออกจะเก็บต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปี หลังจากสัญญาจ้างสิ้นสุดลง
2) กรณีที่ลูกจ้างถูกเลิกจ้างจะเก็บต่อไปอีกไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่ถูกเลิกจ้างหรือไม่เกินระยะเวลาอายุความตามที่กฎหมายกําหนด
ความจําเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาหรือความจําเป็นเพื่อใช้ในการดําเนินการตามคําขอก่อนเข้าทําสัญญา (และเป็นหลักฐานในกรณีที่อาจถูกฟ้องร้อง
2ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวที่ระบุในใบสมัครงาน และเอกสารประกอบใบสมัครงาน เช่น ประวัติการถูกจับกุม, ประวัติการถูกฟ้องร้องดําเนินคดีประวัติการกระทําผิดอาญา, ประวัติการเคยถูกสั่งพักงานหรือถูกเลิกจ้าง, ข้อมูลผลตรวจสุขภาพก่อนพิจารณารับเข้าทํางานรวมถึงข้อมูลอ่อนไหวอื่นๆ ที่ระบุในเอกสารใบสมัครงานหรือเอกสารต่างๆที่ใช้ประกอบการสมัครงาน (ถ้ามี)เก็บไว้ไม่เกิน 6 เดือนนับจากวันที่สมัครงานเว้นแต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะได้รับการจ้างงานเป็นลูกจ้างในกรณีดังกล่าวจะเก็บข้อมูลไว้ตามระยะเวลาของสัญญาจ้างงานและเก็บต่อไปอีกตามกรณีดังต่อไปนี้
1) กรณีที่ลูกจ้างลาออกจะเก็บต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปีหลังจากสัญญาจ้างสิ้นสุดลง
2) กรณีที่ลูกจ้างถูกเลิกจ้างจะเก็บต่อไปอีกไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่ถูกเลิกจ้างหรือไม่เกินระยะเวลาอายุความตามที่กฎหมายกําหนด
ความยินยอม
3ข้อมูลที่เกี่ยวกับสัญญาจ้างงาน เช่นสัญญาจ้าง, เงื่อนไขข้อตกลงการจ้างงาน, เอกสารประกอบการจ้าง , เอกสารที่แสดงการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างเก็บไว้ไม่เกินระยะเวลาของสัญญาจ้างงานและเก็บต่อไปอีกตามกรณีดังต่อไปนี้
1) กรณีที่ลูกจ้างลาออกจะเก็บต่อไป อีกไม่เกิน 5 ปีหลังจากสัญญาจ้างสิ้นสุดลง
2) กรณีที่ลูกจ้างถูกเลิกจ้างจะเก็บต่อไปอีกไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่ถูกเลิกจ้างหรือไม่เกินระยะเวลาอายุความตามที่กฎหมายกําหนด
ความจําเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา (และเป็นหลักฐานในกรณีที่อาจถูกฟ้องร้อง)
4ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นลูกจ้าง เช่น คุณสมบัติของลูกจ้าง , ประวัติการฝึกอบรมและประกาศนียบัตรต่างๆ , แบบทดสอบการปฐมนิเทศและแบบประเมินผลการทดลองงาน 90/120วัน , ประวัติการขาดงานมาสายการลาหรือการหยุดงานต่างๆ , แบบฟอร์มขออนุมัติทํางานล่วงเวลา , บันทึกเติมเวลาการทํางาน , ประวัติการถูกเตือนการถูกดําเนินการทางวินัย หรือไล่ออก , การลาออก , การเลิกจ้าง , การย้ายสถานที่ทํางาน , การย้ายงาน , การปรับตําแหน่งงานและการเกษียณ , อายุงานและประวัติการทํางานต่างๆ , ข้อมูลการใช้ระบบสื่อสารหรือระบบสารสนเทศของบริษัทฯ , ข้อมูลส่วนบุคคลใดอื่นที่ได้ยื่นในกระบวนการเกี่ยวกับการเดินทางเพื่อการปฏิบัติงานหรือการดําเนินการอื่นใดที่มีลักษณะในทํานองเดียวกันกับข้อมูลข้างต้นทั้งหมดเก็บไว้ไม่เกินระยะเวลาของสัญญาจ้างงานและเก็บต่อไปอีกตามกรณีดังต่อไปนี้
1) กรณีที่ลูกจ้างลาออกจะเก็บต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปี หลังจากสัญญาจ้างสิ้นสุดลง
2) กรณีที่ลูกจ้างถูกเลิกจ้างจะเก็บต่อไปอีกไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่ถูกเลิกจ้างหรือไม่เกินระยะเวลาอายุความตามที่กฎหมายกําหนด
ความจําเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา (และเป็นหลักฐานในกรณีที่อาจถูกฟ้องร้อง)
5ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นลูกจ้างที่จําเป็นเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับประกันสังคม , กองทุนสํารองเลี้ยงชีพเก็บไว้ไม่เกินระยะเวลาของสัญญาจ้างงานและเก็บต่อไปอีกตามกรณีดังต่อไปนี้
1) กรณีที่ลูกจ้างลาออกจะเก็บต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปี หลังจากสัญญาจ้างสิ้นสุดลง
2) กรณีที่ลูกจ้างถูกเลิกจ้างจะเก็บต่อไปอีกไม่เกิน 10 ปีนับแต่วันที่ถูกเลิกจ้างหรือไม่เกินระยะเวลาอายุความตามที่กฎหมายกําหนด
เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย (และเป็นหลักฐานในกรณีที่อาจถูกฟ้องร้อง)
6ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นลูกจ้าง ที่บริษัทฯต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย เนื่องจากเป็นความจําเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายเช่นข้อมูลผลการตรวจสุขภาพเพื่อประเมินความสามารถในการทํางาน , ข้อมูลลายนิ้วมือหรือ ข้อมูลภาพจําลองใบหน้าเพื่อการบันทึกเวลาการทํางาน , แบบบันทึกการฉีดวัคซีน COVID-19, ข้อมูลผลการตรวจอาการป่วยหรือการรักษาสุขภาพเพื่อการใช้สิทธิการลาหรือการเบิกประกันสังคมหรือเบิกประกันอุบัติเหตุต่างๆ(ถ้ามี) , ข้อมูลอุบัติเหตุการบาดเจ็บ การตายที่เกี่ยวกับทํางานหรือการดําเนินการอื่นใดที่มีลักษณะในทํานองเดียวกันเก็บไว้ไม่เกินระยะเวลาของสัญญาจ้างงานและเก็บต่อไปอีกตามกรณีดังต่อไปนี้
1) กรณีที่ลูกจ้างลาออกจะเก็บต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปี หลังจากสัญญาจ้างสิ้นสุดลง
2) กรณีที่ลูกจ้างถูกเลิกจ้างจะเก็บต่อไปอีกไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่ถูกเลิกจ้างหรือไม่เกินระยะเวลาอายุความตามที่กฎหมายกําหนด
ความจําเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมาย (และเป็นหลักฐานในกรณีที่อาจถูกฟ้องร้อง
7ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นลูกจ้างที่บริษัทฯต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับการเจ็บป่วยและรักษาเพื่อเบิกค่าใช้จ่ายหรือประกัน, ข้อมูลลายนิ้วมือหรือข้อมูลภาพจําลองใบหน้าเพื่อใช้เข้าออกสถานที่, การให้ความยินยอมในการตรวจหาสารเสพติด, การให้ความยินยอมในการตรวจสอบประวัติอาชญากรรเก็บไว้ไม่เกินระยะเวลาของสัญญาจ้างงานและเก็บต่อไปอีกตามกรณีดังต่อไปนี้
1) กรณีที่ลูกจ้างลาออกจะเก็บต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปีหลังจากสัญญาจ้างสิ้นสุดลง
2) กรณีที่ลูกจ้างถูกเลิกจ้างจะเก็บต่อไปอีกไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่ถูกเลิกจ้างหรือไม่เกินระยะเวลาอายุความตามที่กฎหมายกําหนด
ความยินยอม
8ข้อมูลการจ่ายค่าตอบแทน หรือเงินอื่นใดให้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นลูกจ้างและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น บัญชีธนาคารและสําเนาบัญชีธนาคาร ค่าจ้างค่าแรง ค่าล่วงเวลา ค่าทํางานในวันหยุด โบนัส ค่าสวัสดิการ ค่าชดเชย ค่าปรับ ค่าเสียหาย ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่าย ค่าตอบแทน และผลประโยชน์ตอบแทนอื่นใดต่างๆรวมถึงข้อมูลการหักภาษีค่าธรรมเนียมรายละเอียดเกี่ยวกับการจ่ายเงินเก็บไว้ไม่เกินระยะเวลาของสัญญาจ้างงานและเก็บต่อไปอีกตามกรณีดังต่อไปนี้
1) กรณีที่ลูกจ้างลาออกจะเก็บต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปีหลังจากสัญญาจ้างสิ้นสุดลง
2) กรณีที่ลูกจ้างถูกเลิกจ้างจะเก็บต่อไปอีกไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่ถูกเลิกจ้างหรือไม่เกินระยะเวลาอายุความตามที่กฎหมายกําหนด
ความจําเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา (และเป็นหลักฐานในกรณี ที่อาจถูกฟ้องร้อง)
9ข้อมูลจากกล้องวงจรปิดเพื่อการรักษาความปลอดภัยของสถานที่ทํางาน เช่นข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปที่เกี่ยวกับการเข้าออกสถานที่ทํางานเก็บไว้ไม่เกิน 30 วัน นับแต่วันที่บันทึกข้อมูลความจําเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายและเป็นการจําเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ

บริษัทฯอาจดําเนินการลบหรือทําลายข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวก่อนครบระยะเวลาที่กําหนดได้หากพิจารณาแล้วว่าหมดความจําเป็นในการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าว

ทั้งนี้ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือสัญญาหรือมีความจําเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อเข้าทําสัญญานั้น หากท่านเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้ข้อมูล หรือให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนอาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณาการสมัครงาน หรือการบริหารงานบุคคลหรือการประเมินความสามารถในการทํางานหรือการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายเกี่ยวกับประกันสังคมเงินกองทุนภาษีเงินได้ภาษีอากรต่างๆและอื่นๆที่จําเป็นตามที่กฎหมายกําหนด

อนึ่งสําหรับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวซึ่งต้องอาศัยความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น บริษัทฯใคร่ขอแจ้งว่าท่านเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่จําเป็นที่จะต้องให้ความยินยอม ซึ่งบริษัทฯจะไม่ปฏิเสธการรับสมัครงาน หรือการเป็นลูกจ้างของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลด้วยเหตุที่ไม่ยินยอมดังกล่าว แต่ทั้งนี้การไม่มีข้อมูลดังกล่าวอาจกระทบต่อการบริหารงานบุคคล การพิจารณาสวัสดิการการพิจารณาความสามารถในการทํางานซึ่งจําเป็นต้องได้ข้อมูลที่ครบถ้วนเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา

3. วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว
3.1 เพื่อสนับสนุนกระบวนการคัดเลือกผู้สมัครงาน ตรวจสอบว่าผู้สมัครงานเป็นบุคคลที่เหมาะสมกับตําแหน่งงานที่ประกาศหรือไม่ ติดต่อผู้สมัครงาน และแจ้งผู้สมัครงานในกรณีที่มีตําแหน่งงานว่าง
3.2 เพื่อพิจารณารับเข้าทํางานตรวจสอบและยืนยันคุณสมบัติ คุณวุฒิ ความรู้ความสามารถของลูกจ้างในการจ้างงาน การประเมินความสามารถในการทํางานและการดําเนินกระบวนการพิจารณาข้อพิพาทหรือคดีต่างๆ
3.3 เพื่อบริหารงานบุคคลและปฏิบัติตามเงื่อนไข ข้อตกลง ข้อบังคับการทํางานระเบียบประกาศต่างๆ สภาพเกี่ยวกับการจ้างงานของลูกจ้าง
3.4 เพื่อการรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สินและบุคคลต่างๆที่อาศัยหรือเข้าออกสถานที่ทํางาน
3.5 เพื่อการจําเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาหรือเพื่อใช้ในการดําเนินการตามคําขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทําสัญญานั้น
3.6 เพื่อเป็นการจําเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ
3.7 เพื่อเป็นการจําเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมาย
3.8 เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ได้แจ้งขณะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือวัตถุประสงค์อื่นที่เกี่ยวข้องกับข้อหนึ่งข้อใดข้างต้น

4. แหล่งที่มาของข้อมูล
บริษัทฯจะทําการเก็บรวมรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวของท่านเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลผ่านระบบการรับสมัครงานและกระบวนการจ้างงาน รวมทั้งในกรณีที่ท่านนําส่งข้อมูลเองและผ่านกิจกรรมที่เกี่ยวกับการจ้างงานต่าง ๆ ตลอดระยะเวลาที่ท่านทํางานให้กับบริษัทฯ (ในกรณีที่ท่านได้รับการจ้างเป็นลูกจ้างแล้ว)
นอกจากนี้บริษัทฯจะทําการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวของท่านซึ่งได้รับมาจากบุคคลภายนอก เช่น จากผู้ให้บริการด้านการจ้างงาน หรือหางานสมัครงาน , อดีตนายจ้างบุคคลในครอบครัวบุคคลที่ท่านอ้างอิง หรือหน่วยงานรัฐ

5. ประเภทของบุคคลหรือหน่วยงานซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมอาจจะถูกเปิดเผย
บริษัทฯอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอกหรือหน่วยงานต่างๆ เช่นบริษัทผู้ให้บริการด้านซอฟท์แวร์การบริหารงานระบบทรัพยากรบุคคล , บริษัทผู้ให้บริการด้านระบบคลาวด์และการสํารองข้อมูลของบริษัท , บริษัทผู้รับทําประกันภัยรวมถึงบริษัทนายหน้าในการจัดทําประกันภัย , สํานักงานประกันสังคม , กรมสรรพากร , กรมแรงงานสํานักงานตรวจคนเข้าเมือง , บริษัทผู้บริหารจัดการเงินกองทุนสํารองเลี้ยงชีพ , บริษัทที่ปรึกษาทางกฎหมายและบัญชีรวมถึงที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญทางวิชาชีพต่างๆ , บริษัทหรือหน่วยงานอื่นๆที่ประสงค์จะสอบถามข้อมูลเพื่อการพิจารณาการรับสมัครงานในกรณีที่ลูกจ้างได้สมัครงานไว้กับบริษัทหรือหน่วยงานดังกล่าวหรือเพื่อการบริหารงานบุคคลการปฏิบัติตามสัญญาการปฏิบัติตามกฎหมายรวมถึงตามคําร้องขอของท่าน

6. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลท่านมีสิทธิในการดําเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวของท่านดังต่อไปนี้

6.1 สิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่มีข้อจํากัดสิทธิในการถอนความยินยอมโดยกฎหมายหรือสัญญาทั้งนี้การถอนความยินยอมดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวมใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบ
อนึ่งในกรณีที่มีการถอนความยินยอมข้างต้นอาจส่งผลกระทบให้ไม่อาจจัดบริการงานบุคคล หรือประเมินความสามารถในการทํางานของท่าน หรือรักษาความปลอดภัยแก่ท่านได้อย่างเต็มความสามารถ หรือตามที่บริษัทฯได้แจ้งไว้ (“สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม”)

6.2 สิทธิขอเข้าถึงและขอรับสําเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมซึ่งในกรณีดังกล่าวบริษัทฯจะปฏิเสธคําขอในกรณีที่เป็นการปฏิเสธตามกฎหมายหรือคําสั่งศาลและการเข้าถึงและขอรับสําเนาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น (“สิทธิในการเข้าถึงข้อมูล”)

6.3 สิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านจากบริษัทฯได้ในกรณีที่บริษัทฯได้ทําให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทํางานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติรวมทั้งมีสิทธิดังต่อไปนี้ (“สิทธิในการโอนย้ายข้อมูล”)
6.3.1 ขอให้บริษัทฯส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทําได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ
6.3.2 ขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทําได้
ข้อมูลส่วนบุคคลตามข้อนี้ต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลประเภทที่ต้องขอความยินยอมและท่านได้ให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมเนื่องจากเป็นการจําเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดําเนินการตามคําขอของท่านก่อนเข้าทําสัญญานั้นหรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่กฎหมายกําหนดให้ท่านมีสิทธิ
การใช้สิทธิของท่านตามข้อนี้จะใช้กับการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายไม่ได้ หรือการใช้สิทธินั้นต้องไม่ละเมิดสิทธิ หรือเสรีภาพของบุคคลอื่น

6.4 สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านในประเภทข้อมูลและเหตุบางประการตามที่กฎหมายกําหนดให้สิทธิเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่การเก็บรวบรวมใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯนั้น มีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายหรือเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายการปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายหรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย (“สิทธิในการคัดค้านการประมวลผล”)

6.5 สิทธิขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลดําเนินการลบ หรือทําลาย หรือทําให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ เว้นแต่บริษัทฯเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการไม่ปฏิบัติตามคําขอ (“สิทธิในการลบข้อมูล”)

6.6 สิทธิขอให้บริษัทฯระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ในกรณีดังต่อไปนี้ (“สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูล”)
6.6.1 เมื่อบริษัทฯอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านได้ ร้องขอให้ดําเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกต้องเป็นปัจจุบันสมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
6.6.2 เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบ หรือทําลายเนื่องจากได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่ท่านขอให้ระงับการใช้แทน
6.6.3 เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจําเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลแต่ท่านมีความจําเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้
6.6.4 เมื่อบริษัทฯอยู่ในระหว่างการพิสูจน์สิทธิ์อันชอบด้วยกฎหมาย ในกรณีที่ท่านได้คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปฏิเสธการคัดค้านของท่าน

6.7 สิทธิให้บริษัทดําเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกต้องเป็นปัจจุบันสมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดโดยหากไม่ดําเนินการตามคําร้องขอบริษัทฯจะบันทึกคําร้องขอพร้อมด้วยเหตุผลไว้ในรายการบันทึกรายการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (“สิทธิในการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง”)

6.8 ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อสํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่บริษัทฯในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล(แล้วแต่กรณี) รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทฯฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านสามารถขอให้สิทธิต่างๆโดยติดต่อมายังบริษัทฯตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในข้อ 9 ของประกาศฯฉบับนี้ ซึ่งบริษัทฯจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาคําขอของท่านโดยไม่ชักช้าหรือภายในระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด ทั้งนี้การใช้สิทธิของท่านอาจถูกจํากัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องและมีบางกรณีที่มีเหตุจําเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดําเนินการตามคําขอใช้สิทธิของท่านได้ โดยบริษัทมีสิทธิในการปฏิเสธไม่ปฏิบัติตามคําขอใดๆของท่านหากกฎหมายกําหนดให้สิทธิในการปฏิเสธดังกล่าว

7. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

7.1 บริษัทฯได้จัดให้มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทําลาย ใช้ แปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรฐานรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศของบริษัทฯ
ทั้งนี้ บริษัทฯจะมีการปรับปรุงและทดสอบระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศของบริษัทเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีความปลอดภัยสูงสุดและน่าเชื่อถือในการนี้บริษัทฯสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงระบบหรือเครื่องมือการรักษาความปลอดภัย หากบริษัทฯเห็นว่าระบบหรือเครื่องมือดังกล่าวมีมาตรฐานสูงขึ้นและสามารถรักษาความปลอดภัยของข้อมูลได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯมีการปรับปรุงและทดสอบความปลอดภัยอยู่สมํ่าเสมอ

7.2 มีกระบวนการจัดการกับกรณีละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

7.3 กรณีบริษัทฯทําความตกลงไว้กับบุคคลภายนอกในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อไปประมวลผล รวมถึงการพัฒนาและดูแลรักษาระบบ บุคคลภายนอกจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้เท่าที่กําหนดไว้หรือตามคําสั่ง ซึ่งบุคคลภายนอกดังกล่าวจะต้องตกลงรักษาความลับและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเช่นกัน

8. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ใช้บังคับ

ในกรณีที่บริษัทฯได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวจากท่านเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562มีผลใช้บังคับและเป็นข้อมูลที่ต้องได้รับความยินยอมตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 นั้น บริษัทฯจะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวของท่านต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิม ซึ่งท่านมีสิทธิยกเลิกความยินยอมโดยติดต่อมายังบริษัทฯ ตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในข้อ 9 ของประกาศฯฉบับนี้

9. ช่องทางการติดต่อ

หากท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการติดต่อเพื่อขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหากมีข้อร้องเรียนใดๆท่านสามารถติดต่อได้ตามช่องทางต่อไปนี้
บริษัท ยามาโตะ อุนยู (ประเทศไทย) จํากัด
สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 1617 ถนนพัฒนาการ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวงกรุงเทพมหานคร 10250
ช่องทางการติดต่อ: ติดต่อบริษัท ทางอีเมล์ PDPA_contact@yamatothai.com หรือ
โทรศัพท์ 02-026-6828 ต่อ.1804 หรือ
ทางเว็บไซต์ www.yamatothai.com

10. การเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนได้ในอนาคต ทั้งนี้ตามความสมเหมาะและภายใต้กฎหมาย โดยการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขใดๆบริษัทฯจะประกาศให้ท่านทราบผ่านช่องทางที่เหมาะสมต่อไป

ให้ประกาศฯฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือเพิกถอน